คอมพิวเตอร์กับเด็กปฐมวัย
คอมพิวเตอร์ เป็นเครื่องมือช่วยการเรียนรู้ การให้เด็กเรียนโดยใช้คอมพิวเตอร์จะต้องมีครูและผู้ปกครอง อยู่ด้วยเพื่อให้คำชี้แนะที่เหมาะสม ซอร์ฟแวร์ที่นำมาใช้จะต้องเป็นเรื่องของการศึกษา จึงจะพัฒนาเด็ก ได้จริงตามจุดประสงค์ของการเรียน สังคมสมัยใหม่เป็นสังคมที่เน้นเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับ ข้อมูล ข่าวสารเป็นเหตุให้โรงเรียนต่างๆเริ่มให้มีการใช้คอมพิวเตอร์และมีโปรแกรม คอมพิวเตอร์สำหรับเด็ก
คอมพิวเตอร์ เป็นเครื่องมือทางเทคโนโลยีชนิดหนึ่งที่ใช้กับเด็กได้ทุกวัยมีการนำ คอมพิวเตอร์มาใช้ กับเด็กปฐมวัยในรูปแบบต่างๆทั้งเพื่อเป็นการฝึกทักษะให้กับเด็ก เช่น การสร้างสัมพันธภาพการเรียนรู้ ทางพุทธิปัญญา การคิดเลข และใช้เพื่อการฝึกความคิดสร้างสรรค์ นอกจากนี้คอมพิวเตอร์ยังช่วยในการ ใช้สายตา และมือให้สัมพันธ์กันเมื่อเด็กใช้แล้วเด็กยังได้พัฒนาทักษะการใช้ คอมพิวเตอร์ด้วย จุดประสงค์ของการใช้คอมพิวเตอร์ในเด็กปฐมวัยมุ่งฝึกเด็กให้ใช้คอมพิวเตอร์ เพื่อการเรียนรู้ และพัฒนา ความคิดและทักษะต่างๆมากกว่าการหัดให้เด็กใช้คอมพิวเตอร์แบบผู้ใหญ่
การใช้คอมพิวเตอร์ในการเรียนการสอน
ประเทศ ไทยได้มีการนำคอมพิวเตอร์มาช่วยสอนเป็นเวลานานพอสมควร ในยุคแรกของการใช้ คอมพิวเตอร์กับเด็กนั้นยังไม่เป็นที่นิยมด้วยระบบคอมพิวเตอร์ยังเป็นการ แสดงออกเฉพาะที่เป็น
ตัวหนังสือ บางโปรแกรมอาจมีภาพกราฟฟิค ประกอบบ้างเล็กน้อยซึ่งไม่น่าสนใจแม้ในต่างประเทศ ก็ไม่นิยมต่อมา เมื่อฮารดแวร์และซอฟแวร์พัฒนามากขึ้น จึงเป็นที่นิยมโดยแพร่หลาย คอมพิวเตอร์ สำหรับเด็กปฐมวัยจะมีซอฟแวร์ที่เรียกว่า Edutainment มาจากคำว่า Education (การศึกษา) บวกกับคำว่า Entertainment (ความบันเทิง) ซอฟแวร์แบบนี้เมื่อเวลาเด็กใช้เรียน เด็กจะได้ทั้งการ เรียนรู้กับความบันเทิง ทั้งนี้โดยจุดประสงค์หลักของการผลิตซอฟแวร์สำหรับเด็ก จะไม่เน้นเด็กให้เกิด การเรียนรู้เฉพาะเนื้อหาอย่างเดียวแต่ต้องสนุกกับการเรียนนั้น ด้วยลักษณะของซอฟแวร์ที่เป็นสื่อผสม (Multimedia) หมายถึง การใช้สื่อหลายๆแบบประกอบกันมีทั้งข้อความ (text) ภาพนิ่ง ภาพที่เคลื่อนไหวได้ มีเสียง ในการใช้ซอฟแวร์ที่เป็นสื่อผสมนี้จะต้องมีคอมพิวเตอร์ที่เป็นสื่อผสมด้วย
กล่าวคือ มีเครื่องคอมพิวเตอร์ มีซีดีรอมไดรฟ์ (CD-Rom drive) และในเครื่องต้องมีที่เล่นเสียง เล่นภาพด้วยนอกจากนี้ต้องมีซอฟแวร์โดยทั่วไป Edutainment จะบรรจุอยู่ในแผ่นซีดี หรือ คอมแพคดิส(Compact disc) ซึ่งมีบริษัทหลายบริษัททั้งในประเทศและต่างประเทศที่ผลิตขายโดยมี เรื่องหลากหลายที่เราสามารถเลือกได้ แต่ในปัจจุบันมีหลายหน่วยงานและหลายบริษัท ได้จัดทำเป็น อินเตอร์เน็ต (internet) ซึ่งเราสามารถเลือกใช้ได้โดยไม่ต้องใช้ดิสค์อย่างที่เราใช้กันอยู่
ตัวหนังสือ บางโปรแกรมอาจมีภาพกราฟฟิค ประกอบบ้างเล็กน้อยซึ่งไม่น่าสนใจแม้ในต่างประเทศ ก็ไม่นิยมต่อมา เมื่อฮารดแวร์และซอฟแวร์พัฒนามากขึ้น จึงเป็นที่นิยมโดยแพร่หลาย คอมพิวเตอร์ สำหรับเด็กปฐมวัยจะมีซอฟแวร์ที่เรียกว่า Edutainment มาจากคำว่า Education (การศึกษา) บวกกับคำว่า Entertainment (ความบันเทิง) ซอฟแวร์แบบนี้เมื่อเวลาเด็กใช้เรียน เด็กจะได้ทั้งการ เรียนรู้กับความบันเทิง ทั้งนี้โดยจุดประสงค์หลักของการผลิตซอฟแวร์สำหรับเด็ก จะไม่เน้นเด็กให้เกิด การเรียนรู้เฉพาะเนื้อหาอย่างเดียวแต่ต้องสนุกกับการเรียนนั้น ด้วยลักษณะของซอฟแวร์ที่เป็นสื่อผสม (Multimedia) หมายถึง การใช้สื่อหลายๆแบบประกอบกันมีทั้งข้อความ (text) ภาพนิ่ง ภาพที่เคลื่อนไหวได้ มีเสียง ในการใช้ซอฟแวร์ที่เป็นสื่อผสมนี้จะต้องมีคอมพิวเตอร์ที่เป็นสื่อผสมด้วย
กล่าวคือ มีเครื่องคอมพิวเตอร์ มีซีดีรอมไดรฟ์ (CD-Rom drive) และในเครื่องต้องมีที่เล่นเสียง เล่นภาพด้วยนอกจากนี้ต้องมีซอฟแวร์โดยทั่วไป Edutainment จะบรรจุอยู่ในแผ่นซีดี หรือ คอมแพคดิส(Compact disc) ซึ่งมีบริษัทหลายบริษัททั้งในประเทศและต่างประเทศที่ผลิตขายโดยมี เรื่องหลากหลายที่เราสามารถเลือกได้ แต่ในปัจจุบันมีหลายหน่วยงานและหลายบริษัท ได้จัดทำเป็น อินเตอร์เน็ต (internet) ซึ่งเราสามารถเลือกใช้ได้โดยไม่ต้องใช้ดิสค์อย่างที่เราใช้กันอยู่
การพัฒนาสื่อคอมพิวเตอร์เดิมมาจากการพัฒนาในรูปข้อความมาขยายสู่การมีภาพ มีเสียง เช่น โทรทัศน์ ความแตกต่างของโทรทัศน์กับสื่อผสมต่างกันตรงที่การเรียนจากโทรทัศน์เป็นการ เรียนแบบรับ (Passive) ขณะที่เรียนจากสื่อผสมคอมพิวเตอร์เป็นการเรียนแบบตอบโต้ (active) ที่เด็กสามารถมี ปฏิกิริยาตอบโต้ได้ในขณะเรียน ซึ่งการเรียนกับโทร ทัศน์เด็กจะเป็นฝ่ายรับอย่างเดียวไม่สามารถสร้าง ปฏิสัมพันธ์ได้ดังนั้นการเรียนรู้แบบมีีปฏิสัมพันธ์(interactive learning) มีความสำคัญมากเด็กจะเรียนรู้ ได้สนุกกว่าโทรทัศน์ และเด็กสามารถควบคุมการเรียนรู้ในขณะที่เรียนได้ด้วย ซึ่งเป็นการกระตุ้นทำให้ ้เกิดการอยากรู้อยากเห็น อีกประการหนึ่งของการใช้คอมพิวเตอร์ในการเรียนคือ บทเรียนที่กำหนด มีความยากง่ายเหมาะกับเด็กที่จะเรียน ซึ่งเป็นการกระตุ้นให้เด็กยากเรียน และกระตือรือร้นที่จะเรียน เพราะเด็กสามารถเรียนรู้เพิ่มขึ้น และเด็กสามารถเลือกเรียนด้วยตนเองตามความสนใจ ด้วยลักษณะนี้ ทำให้การเรียนด้วยคอมพิวเตอร์เป็นสิ่งท้าทายสำหรับเด็ก องค์ประกอบที่สอดแทรกมาในคอมพิวเตอร์ คือการสร้างจินตนาการในเด็ก ด้วยภาพจากคอมพิวเตอร์มีการเคลื่อนไหว เด็กจะรับรู้และตอบสนอง ได้ดีกว่าภาพนิ่ง อย่างไรก็ตามซอฟแวร์ทางการศึกษาที่ดีต้องสนุกสนานในขณะเดียวกันต้องเด็ก ปฐมวัย ต้องการความสนุกสนานในขณะเดียวกันต้องเสริมสร้างเสริมปัญญาให้กับเด็กด้วย มีหลายบริษัทที่จัด
ทำซอฟแวร์ทางการศึกษา สำหรับเด็กที่สามารถศึกษาได้ในลักษณะดังกล่าว
ทำซอฟแวร์ทางการศึกษา สำหรับเด็กที่สามารถศึกษาได้ในลักษณะดังกล่าว
Electronic story book เป็นหนังสือนิทานอย่างหนึ่ง ที่มีทั้งเรื่องเล่า และมีภาพเคลื่อนไหว เรียกได้ว่าเป็น
หนังสือที่มีชีวิตชีวา สำหรับระเทศไทยการผลิตคอมพิวเตอร์เพื่อการเรียนการสอนมีทั้งที่เป็นนิทาน โปรแกรมการสอนคณิตศาสตร์ การสอนทักษะทางภาษา ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นภาษาอังกฤษ การรู้จัก รูปร่างสี การวาดรูป เป็นต้น
หนังสือที่มีชีวิตชีวา สำหรับระเทศไทยการผลิตคอมพิวเตอร์เพื่อการเรียนการสอนมีทั้งที่เป็นนิทาน โปรแกรมการสอนคณิตศาสตร์ การสอนทักษะทางภาษา ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นภาษาอังกฤษ การรู้จัก รูปร่างสี การวาดรูป เป็นต้น
หลักการใช้คอมพิวเตอร์ในการเรียน
ในการเรียนด้วยคอมพิวเตอร์เด็กจะรู้สึกมีส่วนร่วม สนุกสนาน ตื่นเต้น เพราะเห็นผลได้ทันทีอยากติดตาม
เด็กจะมีความร้สึกที่ดีในการเรียน ซึ่งกรณีนี้เป็นการพัฒนาไปสู่ความรู้สึกที่ดีต่อตนเอง สิ่งที่ผู้ปกครอง และ ครูวิตกกังวลเกี่ยวกับการนำคอมพิวเตอร์มาใช้กับเด็กคือ เด็กจะสนใจการเล่นคอมพิวเตอร์จนลืมที่ จะทำอย่างอื่น สาเหตุเนื่องมาจากมีคนเอาเกมมาเล่นทำให้เด็กเล่นเกมจนติด เพราะเกมที่นำมานั้น ไม่ใช่เกมการศึกษา จึงอยู่ที่ว่าผู้ปกครองหรือครูต้องเลือกสิ่งที่เป็นการศึกษาจริงๆแล้วจัดให้ กับเด็ก
เด็กไม่เห็นความสำคัญของผู้ปกครอง และครู เพราะเด็กสามารถพึ่งคอมพิวเตอร็ได้เรียนจาก คอมพิวเตอร์ได้เด็กแยกตัวไม่มีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น มุ่งอยู่กับคอมพิวเตอร์ ถ้าเป็นเช่นนี้เด็กจะเป็นคน เก็บตัวไม่เข้ากับสังคม บางคนก็จะไม่สนใจผู้อื่นปัญหาดังกล่าวสามารถแก้ได้ด้วยการจัดสภาพแวดล้อม ในการจัดวางคอมพิวเตอร์ ต้องให้ดี นับแต่ โต๊ะ เก้าอี้ และเครื่องคอมพิวเตอร์ ที่ต้องจัดวางให้เหมาะกับ สภาพร่างกายของเด็กไม่ว่าจะเป็นการจัดที่บ้าน หรือที่โรงเรียนอีกประการหนึ่งการใช้คอมพิวเตอร์
เพื่อการศึกษาสำหรับเด็ก ควรใช้ในการเรียนแบบร่วมมือ (Cooperative learning)เพื่อลด ปัญหาการ แยกตัวของเด็ก ครูควรจัดให้เด็กมีกิจกรรมแบบร่วมมือในขณะเรียนด้วยจะช่วยแก้ปัญหาการแยกตัว จากสังคมเป็นอย่างดี อีกทั้งควรมีการสอนจรรยามารยาทการใช้คอมพิวเตอร์ร่วมกันไป ทั้งนี้ให้รวมถึงการใช้อินเทอร์เน็ตก็จะต้องมีจรรยามารยาทด้วย
เด็กจะมีความร้สึกที่ดีในการเรียน ซึ่งกรณีนี้เป็นการพัฒนาไปสู่ความรู้สึกที่ดีต่อตนเอง สิ่งที่ผู้ปกครอง และ ครูวิตกกังวลเกี่ยวกับการนำคอมพิวเตอร์มาใช้กับเด็กคือ เด็กจะสนใจการเล่นคอมพิวเตอร์จนลืมที่ จะทำอย่างอื่น สาเหตุเนื่องมาจากมีคนเอาเกมมาเล่นทำให้เด็กเล่นเกมจนติด เพราะเกมที่นำมานั้น ไม่ใช่เกมการศึกษา จึงอยู่ที่ว่าผู้ปกครองหรือครูต้องเลือกสิ่งที่เป็นการศึกษาจริงๆแล้วจัดให้ กับเด็ก
เด็กไม่เห็นความสำคัญของผู้ปกครอง และครู เพราะเด็กสามารถพึ่งคอมพิวเตอร็ได้เรียนจาก คอมพิวเตอร์ได้เด็กแยกตัวไม่มีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น มุ่งอยู่กับคอมพิวเตอร์ ถ้าเป็นเช่นนี้เด็กจะเป็นคน เก็บตัวไม่เข้ากับสังคม บางคนก็จะไม่สนใจผู้อื่นปัญหาดังกล่าวสามารถแก้ได้ด้วยการจัดสภาพแวดล้อม ในการจัดวางคอมพิวเตอร์ ต้องให้ดี นับแต่ โต๊ะ เก้าอี้ และเครื่องคอมพิวเตอร์ ที่ต้องจัดวางให้เหมาะกับ สภาพร่างกายของเด็กไม่ว่าจะเป็นการจัดที่บ้าน หรือที่โรงเรียนอีกประการหนึ่งการใช้คอมพิวเตอร์
เพื่อการศึกษาสำหรับเด็ก ควรใช้ในการเรียนแบบร่วมมือ (Cooperative learning)เพื่อลด ปัญหาการ แยกตัวของเด็ก ครูควรจัดให้เด็กมีกิจกรรมแบบร่วมมือในขณะเรียนด้วยจะช่วยแก้ปัญหาการแยกตัว จากสังคมเป็นอย่างดี อีกทั้งควรมีการสอนจรรยามารยาทการใช้คอมพิวเตอร์ร่วมกันไป ทั้งนี้ให้รวมถึงการใช้อินเทอร์เน็ตก็จะต้องมีจรรยามารยาทด้วย
สภาพแวดล้อมการเรียนด้วยคอมพิวเตอร์ไม่ใช่เฉพาะการนั่งเรียนกับคอมพิวเตอร์ แต่เพียงอย่างเดียว ต้องมีกิจกรรมเสริมนอกจอด้วยกิจกรรมต่างๆที่ครูควรจัดขึ้นก็ควรจัด เพราะการใช้คอมพิวเตอร์จะฝึกได้ เฉพาะบางเรื่องเท่านั้น ข้อสำคัญ คอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือเสริมกิจกรรมและหลักสูตร ไม่ใช่สิ่งทดแทน การเรียนการสอนทั้งหมดของครูตัวอย่างเช่นการดูโทรทัศน์เราก็มีปัญหาว่าเด็ก ได้อะไรจากโทรทัศน์
ซึ่งถ้าให้ดีต้องมีผู้ใหญ่ดูแลด้วย และแนะนำขณะดูเช่นกัน กับ คอมพิวเตอร์ที่ผู้ใหญ่ต้องอยู่ดูและสนทนา ร่วมกับเด็ก นับตั้งแต่เลือกซอร์ฟแวร์ที่ดีให้กับเด็กตรงกับจุดประสงค์ของการเรียนที่แท้ จริงครู ผู้ปกครองยังต้องเป็นผู้แนะแนวอยู่เสมอ
ซึ่งถ้าให้ดีต้องมีผู้ใหญ่ดูแลด้วย และแนะนำขณะดูเช่นกัน กับ คอมพิวเตอร์ที่ผู้ใหญ่ต้องอยู่ดูและสนทนา ร่วมกับเด็ก นับตั้งแต่เลือกซอร์ฟแวร์ที่ดีให้กับเด็กตรงกับจุดประสงค์ของการเรียนที่แท้ จริงครู ผู้ปกครองยังต้องเป็นผู้แนะแนวอยู่เสมอ
นอกจากนี้เด็กควรได้รับประสบการณ์อื่นๆด้วย คอมพิวเตอร์ได้เฉพาะ 2 มิติ แต่ในชีวิตจริงเด็กต้องมี
ปฏิสัมพันธ์กับ 3 มิติ เด็กยังต้องเล่นบล็อค เล่นตัวต่อ ซึ่ง ยังเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับเด็กมีคำพูดที่น่าสนใจ คือ Software can help prents see how their kids mind operate ,it like a window to their mind ซึ่งหมายถึงว่า คอมพิวเตอร์คือ หน้าต่างของดวงจิตที่เราสามารถดูใจของเด็กได้จากคอมพิวเตอร์ ถ้าเราศึกษาขณะใช้คอมพิวเตอร์โดยสังเกตพัฒนาการของเด็กเราจะรู้ว่าเด็กคิด อย่างไร วางแผนอย่างไร ซึ่งน่าจะมีการวิจัยว่าเด็กปฐมวัยมีพัฒนาการคิดอย่างไรกับการใช้คอมพิวเตอร์ สิ่งนี้เป็นเรื่องที่น่าสนใจ มากอย่างน้อยจะได้คำตอบว่าคอมพิวเตอร์มีผลอย่างไรกับเด็กในแง่ของการคิด เพื่อการจัดการ
ปฏิสัมพันธ์กับ 3 มิติ เด็กยังต้องเล่นบล็อค เล่นตัวต่อ ซึ่ง ยังเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับเด็กมีคำพูดที่น่าสนใจ คือ Software can help prents see how their kids mind operate ,it like a window to their mind ซึ่งหมายถึงว่า คอมพิวเตอร์คือ หน้าต่างของดวงจิตที่เราสามารถดูใจของเด็กได้จากคอมพิวเตอร์ ถ้าเราศึกษาขณะใช้คอมพิวเตอร์โดยสังเกตพัฒนาการของเด็กเราจะรู้ว่าเด็กคิด อย่างไร วางแผนอย่างไร ซึ่งน่าจะมีการวิจัยว่าเด็กปฐมวัยมีพัฒนาการคิดอย่างไรกับการใช้คอมพิวเตอร์ สิ่งนี้เป็นเรื่องที่น่าสนใจ มากอย่างน้อยจะได้คำตอบว่าคอมพิวเตอร์มีผลอย่างไรกับเด็กในแง่ของการคิด เพื่อการจัดการ
ประโยชน์ของคอมพิวเตอร์สำหรับเด็ก
1. ทำให้เด็กได้คิดค้นหาคำตอบด้วยความสนุก เช่น การเรียนคำศัพท์
2. ให้เด็กมีความคิดสร้างสรรค์ เช่น การทดลองฝึกผสมสี โดยไม่เปลืองดินสอสี จากโปรแกรม คอมพิวเตอร์ เป็นต้น แต่มีข้อเสีย คือการใช้ทักษะของมือ
3. การใช้ภาพ รูปร่าง เด็กสามารถเรียนรู้ถ่ายโยงมาสู่เรื่องใหม่ๆได้ ทำให้การเรียนรู้ต่อเนื่อง ทำให้ ฝึกคิคค้นการแก้ปัญหาได้ดีอย่างไรก็ตามในการฝึกทักษะนี้ครูสามารถเลือกเกม ต่างๆที่สามารถฝึก
ทักษะเด็กที่ต้องการได้
2. ให้เด็กมีความคิดสร้างสรรค์ เช่น การทดลองฝึกผสมสี โดยไม่เปลืองดินสอสี จากโปรแกรม คอมพิวเตอร์ เป็นต้น แต่มีข้อเสีย คือการใช้ทักษะของมือ
3. การใช้ภาพ รูปร่าง เด็กสามารถเรียนรู้ถ่ายโยงมาสู่เรื่องใหม่ๆได้ ทำให้การเรียนรู้ต่อเนื่อง ทำให้ ฝึกคิคค้นการแก้ปัญหาได้ดีอย่างไรก็ตามในการฝึกทักษะนี้ครูสามารถเลือกเกม ต่างๆที่สามารถฝึก
ทักษะเด็กที่ต้องการได้
การใช้อินเตอร์เน็ต
ใน กรณีที่เราเป็นสมาชิกเครือข่าย เราสามารถเชื่อมโยงนำข้อมูล ณ ต่างประเทศที่เป็นเครือข่ายมาใช้ใน การเรียนการสอนได้ ทั้งที่เป้นรูปภาพ กิจกรรมต่างๆ ซึ่งเรามักจะได้มาจากต่างประเทศ เนื่องจาก ประเทศไทยยังมีน้อยมาก สิ่งที่สะดวกในการนำมาสอนคือครูสามารถคั่น หรือทำเครื่องหมาย ในการที่จะเลือกเรื่องมาใช้ในการเรียนการสอนได้ สิ่งที่ต้องระวังคือการเลือกใช้เนื้อหาเนื่องจาก เป็นแหล่งข้อมูลที่กว้างมาก ครูจึงควรเลือกเรื่องที่สนใจสำหรับเด็กเท่านั้น
ข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตจะมีทั้งข้อมูลทั่วไปและข้อมูลช่วยสอนที่สามารถเลือกนำมาเรียน มาใช้ได้เช่นกัน
ลักษณะจะเหมือนกับบทเรียนแบบโปรแกรมที่ผู้เรียน หรือผู้ใช้สามารถเล่นถามตอบได้นอกจากนี้ ในการใช้อินเตอร์เนตบางอย่างครูสามารถเลือกภาพและพิมพ์ออกมาให้เด็กเป็นแบบ ฝึกหัดได้เช่น
รูปภาพให้เด็กหดระบายสี วาดภาพ Creative clsssroom on line เป็นโปรแกรมการเรียนที่สามารถ เลือกกิจกรรมตามชั้นเรียน และระดับที่สนใจได้แล้วนำข้อมูล เอกสารจากอินเตอร์เน็ตนั้นมาเป็นสื่อ ในการเรียน การสอน นอกจากนี้อินเตอร์เน็ต ยังสามารถช่วยให้ผู้เรียนสามารถพูดคุยกับโรงเรียนอื่น โดยใช้เครือข่ายที่ทำให้สามารถแลกเปลี่ยนข้อความรู้ด้วย,การสนทนาระหว่าง โรงเรียน และระหว่างครู หรือระหว่างนักเรียนด้วยกันStory book เป็นอีกมิติหนึ่งที่ใช้ได้ทางอินเตอร์เน็ตลักษณะเป็นเรื่องเล่า นิทานที่จะเรียนได้เช่นกัน แต่การตอบสนองอาจจะช้า ทั้งนี้เพราะเป็นการตอบโต้ที่มีกำหนดตามลำดับ และเรายังสามารถจัดเป็นภาพการ์ตูนที่ส่งผ่านเครือข่ายมาจากต่างประเทศได้ ด้วย ปัญหาการใช้ เครือข่ายอยู่ที่โครงสร้างการสื่อสาร และความคล่องตัวของการสื่อสารนั้นสำหรับประเทศไทย ขณะนี้ได้มีการพัฒนาหน้าเฉพาะของตัวเอง(home page) แล้วโดยเฉพาะโรงเรียนนานาชาติ
มีการพัฒนามากพอสมควรข้อมูลที่มีจะเกี่ยวกับโรงเรียนระดับมัธยม เช่น โรงเรียนสวนกุหลาบ นนทบุรี จะมีหน้าเฉพาะของตัวเอง(home page)โดยให้ข้อมูลเกี่ยวกับโรงเรียน ในขณะนี้เรายังไม่มีการแลก เปลี่ยนข้อมูลกันในแง่ของกิจกรรมการเรียนการสอน
ลักษณะจะเหมือนกับบทเรียนแบบโปรแกรมที่ผู้เรียน หรือผู้ใช้สามารถเล่นถามตอบได้นอกจากนี้ ในการใช้อินเตอร์เนตบางอย่างครูสามารถเลือกภาพและพิมพ์ออกมาให้เด็กเป็นแบบ ฝึกหัดได้เช่น
รูปภาพให้เด็กหดระบายสี วาดภาพ Creative clsssroom on line เป็นโปรแกรมการเรียนที่สามารถ เลือกกิจกรรมตามชั้นเรียน และระดับที่สนใจได้แล้วนำข้อมูล เอกสารจากอินเตอร์เน็ตนั้นมาเป็นสื่อ ในการเรียน การสอน นอกจากนี้อินเตอร์เน็ต ยังสามารถช่วยให้ผู้เรียนสามารถพูดคุยกับโรงเรียนอื่น โดยใช้เครือข่ายที่ทำให้สามารถแลกเปลี่ยนข้อความรู้ด้วย,การสนทนาระหว่าง โรงเรียน และระหว่างครู หรือระหว่างนักเรียนด้วยกันStory book เป็นอีกมิติหนึ่งที่ใช้ได้ทางอินเตอร์เน็ตลักษณะเป็นเรื่องเล่า นิทานที่จะเรียนได้เช่นกัน แต่การตอบสนองอาจจะช้า ทั้งนี้เพราะเป็นการตอบโต้ที่มีกำหนดตามลำดับ และเรายังสามารถจัดเป็นภาพการ์ตูนที่ส่งผ่านเครือข่ายมาจากต่างประเทศได้ ด้วย ปัญหาการใช้ เครือข่ายอยู่ที่โครงสร้างการสื่อสาร และความคล่องตัวของการสื่อสารนั้นสำหรับประเทศไทย ขณะนี้ได้มีการพัฒนาหน้าเฉพาะของตัวเอง(home page) แล้วโดยเฉพาะโรงเรียนนานาชาติ
มีการพัฒนามากพอสมควรข้อมูลที่มีจะเกี่ยวกับโรงเรียนระดับมัธยม เช่น โรงเรียนสวนกุหลาบ นนทบุรี จะมีหน้าเฉพาะของตัวเอง(home page)โดยให้ข้อมูลเกี่ยวกับโรงเรียน ในขณะนี้เรายังไม่มีการแลก เปลี่ยนข้อมูลกันในแง่ของกิจกรรมการเรียนการสอน
สรุป
การใช้คอมพิวเตอร์กับเด็กปฐมวัยควรใช้ในลักษณะเป็นอุปกรณ์การเรียนรู้ไม่ใช่การเป็นการเรียนการใช้
คอมพิวเตอร์แบบผู้ใหญ่ เช่น การสร้างโปรแกรมเพื่อแสดงว่าเก่งคอมพิวเตอร์ เป็นต้น
คอมพิวเตอร์แบบผู้ใหญ่ เช่น การสร้างโปรแกรมเพื่อแสดงว่าเก่งคอมพิวเตอร์ เป็นต้น
การปล่อยให้เด็กอยู่ลำพังกับคอมพิวเตอร์จะเป็นเหตุให้เด็กขาดสติปัญญา เด็กควรได้เรียนมากกว่า การให้เล่นเกม ควรฝึกวินัยเด็กให้รู้ถึงการใช้คอมพิวเตอร์ โรคติดคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่เกิดจาก
เด็กติดอินเตอร์เน็ตมากกว่า ซึ่งนับ เป็นโรคอย่างหนึ่งที่เป็นการเสพติดจริงๆควรใช้คอมพิวเตอร์ และอินเตอร์เน็ตเพื่อการเสริมการเรียนรู้ไนเรื่องที่สนใจเท่านั้น ครูและผู้ปกครองต้องเข้าใจและปลูกฝัง ให้กับเด็กให้ถูกทาง ต้องจำกัดเวลาที่เหมาะกับเด็กในการเรียนด้วยคอมพิวเตอร์อย่าลืมว่าเด็กต้อง พัฒนา
ในทุกด้าน การใช้คอมพิวเตอร์ที่ดีครูหรือผู้ปกครองจำเป็นต้องอยู่ด้วยเพื่อให้คำชี้แนะและได้สนทนา
ร่วมกันเสมอ
เด็กติดอินเตอร์เน็ตมากกว่า ซึ่งนับ เป็นโรคอย่างหนึ่งที่เป็นการเสพติดจริงๆควรใช้คอมพิวเตอร์ และอินเตอร์เน็ตเพื่อการเสริมการเรียนรู้ไนเรื่องที่สนใจเท่านั้น ครูและผู้ปกครองต้องเข้าใจและปลูกฝัง ให้กับเด็กให้ถูกทาง ต้องจำกัดเวลาที่เหมาะกับเด็กในการเรียนด้วยคอมพิวเตอร์อย่าลืมว่าเด็กต้อง พัฒนา
ในทุกด้าน การใช้คอมพิวเตอร์ที่ดีครูหรือผู้ปกครองจำเป็นต้องอยู่ด้วยเพื่อให้คำชี้แนะและได้สนทนา
ร่วมกันเสมอ
ที่มา : อาจารย์ดร.ขนิษฐารุจิโรจน์ ภาคเทคโนโลยีการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ แผยแพร่ใน วารสารการศึกษาปฐมวัย ปี 1 ฉบับที่ 4 ตุลาคม 2540
จากการบรรยายในการประชุมวิชาการการศึกษาปฐมวัยครั้งที่1 เรื่อง ทศวรรษหน้าของการศึกษาปฐมวัย
ระหว่างวันที่ 28 กุมภาพันธ์-1 มีนาคม 2540 ณ อาคารวิจัยและการศึกษาต่อเนื่อง สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
จากการบรรยายในการประชุมวิชาการการศึกษาปฐมวัยครั้งที่1 เรื่อง ทศวรรษหน้าของการศึกษาปฐมวัย
ระหว่างวันที่ 28 กุมภาพันธ์-1 มีนาคม 2540 ณ อาคารวิจัยและการศึกษาต่อเนื่อง สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ